เครื่องสำอางค์สำหรับแต่งริมฝีปากมีทั้งแบบแท่งและตลับ ลิปสติกที่คุณทาสามารถบ่งบอกความเป็นตัวคุณได้เป็นอย่างดี ว่าถึงเนื้อลิปสติก มีหลากหลายมากๆ อาทิ
- Matte ลิปสติกเนื้อแมท เป็นลิปสติกที่เม็ดสีแน่น คมชัดไม่แวววาว
- Cream ลิปสติกเนื้อครีม เป็นลิปสติกที่เม็ดสีแน่น คมชัดมีความแวววาวเล็กน้อยเหมือนเอาลิปสติกเนื้อแมทผสมลิปบาล์ม
- Shine ลิปสติกเนื้อชายน์ เป็นลิปสติกที่เม็ดสีค่อนข้างแน่น แต่ไม่คมชัดมากแวววาวเป็นประกายเพราะมีส่วนผสมของพวกชิมเมอร์ กลิตเตอร์เล็กๆ
- Sheer & Satin ลิปสติกเนื้อเชียร์และซาติน เป็นลิปสติกที่เม็ดสีไม่แน่นมีสีเพียงบางๆเพื่อเน้นความเป็นธรรมชาติของสีริมฝีกปาก มีความแวววาวในระดับนึงเพราะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่เยอะ
เป็นลิปสำหรับบำรุงริมฝีปากมีหลากคุณสมบัติ เช่น ไม่ทำให้ริมฝีปากแห้งแตกชุ่มชื้น บำรุงให้ริมฝีปากให้เนียนนุ่ม บางทีอาจจะมีส่วนผสมของสีจะออกมาทั้งในรูปแบบแท่งและตลับ จะคล้ายกับลิปสติกแบบเนื้อครีม
เครื่องสำอางค์สำหรับแต่งริมฝีปากชนิดเหลว เม็ดสีค่อนข้างแน่น ค่อนข้างคมชัดชุ่มชื้นแต่ไม่แวววาว ดูเป็นธรรมชาติมากว่าลิปชนิดอื่นๆ
เครื่องสำอางค์สำหรับแต่งริมฝีปากชนิดเหลว เม็ดสีค่อนข้างแน่น แต่ไม่คมชัดมาก โดดเด่นตรงที่มีความแวววาวเป็นประกายซึ่งช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่มน่ารักสดใส บางรุ่นก็มีส่วนผสมของชิมเมอร์ หรือกลิตเตอร์ บางรุ่นก็ไม่มีแต่ยังคงแวววาวอยู่
ลิปสติก (Lipstick) สีสันสวยงามแต่ละสีล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติอันโดดเด่นแตกต่างกัน แต่ละสีที่นำมาแต่งแต้มบนริมฝีปากล้วนทำให้เรียวปากของเรามีลุคสวย และนั่นก็คือ องค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้การแต่งหน้าออกมาสวยเจิดจรัสสมใจต้องการ แต่เพราะลิปสติกมีให้เลือกใช้มากมาย ตั้งแต่ลิปสติก (Lipstick) สีสันสวยงามต่างๆ ลิปบาล์ม (Lip balm) ลิปทินท์ (Lip tint) และลิปกลอส (Lip gloss) ที่ให้ประกายแวววาว สาวๆ ทั้งหลายที่กำลังมองหาลิปสติกเหล่านี้มาทาริมฝีปากให้สวยน่าจุ๊บกันอยู่ แต่ยังไม่ค่อยรู้จักการเลือกใช้ ยังไม่รู้คุณสมบัติของลิปแต่ละประเภทดีนัก วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักทั้งลิปสติก ลิปบาล์ม ลิปทินท์และลิปกลอสให้มากขึ้นดังนี้ค่ะ
เพราะลิปสติกมีสีสันสวยงามหลากเฉดสี แต่ก่อนที่เราจะซื้อเราควรรู้หลักในการเลือกซื้อก่อน โดยควรพิจารณาดังนี้ รับรองคุณสาวๆ จะได้สอยลิปสติกแท่งโปรดที่มีสีสวยโดนใจและได้คุณภาพดีมาครอบครองแน่นอนค่ะ
1.1.มีส่วนผสมจากมอยส์เจอไรเซอร์
ซื้อลิปสติกกันทั้งทีจะเลือกซื้อแบบสีสวยๆ อย่างเดียวไม่ได้นะคะ เราควรเลือกประเภทที่มีส่วนผสมจากมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อบำรุงผิวริมฝีปากให้นุ่มชุ่มชื้น ทาแล้วจะได้ไม่พบปัญหาปากแห้งลอกแตกเป็นขุยหรือมีปัญหาเนื้อลิปตกร่อง อีกทั้งยังทำให้เนื้อลิปสติกติดทนนานและสีสันเรียบเนียนมากขึ้นได้ด้วย
1.2.มีส่วนผสมในการปกป้องแสงแดด
สาวคนไหนที่กลัวปากดำ นอกจากเลือกลิปสติกที่ทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นแล้ว คุณยังต้องเลือกประเภทที่มีส่วนผสมจากสารกันแดดด้วยนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิวริมฝีปากจนแห้งเกรียมและหมองคล้ำค่ะ
1.3.เลือกซื้อสูตร Long Lasting เพื่อให้เนื้อลิปติดทนนานขึ้น
ไม่ว่าคุณสาวๆ จะซื้อลิปสติกเนื้อประเภทใดก็ตาม ทั้งเนื้อเชียร์ เนื้อซาติน เนื้อมุก เนื้อแมตต์หรือกลอสซี่ นอกจากเลือกที่สีสันสวยโดนใจแล้ว ควรเลือกลิปสูตร Long Lasting ด้วยนะคะ เพราะลิปสูตรดังกล่าวมีคุณสมบัติช่วยทำให้ทาแล้วติดทนนานมากขึ้นนั่นเอง แบบนี้สามารถทาออกจากบ้านตอนเช้าแล้วอยู่ยาวลุยงานปาร์ตี้ยามดึกได้อย่างไม่ต้องหวั่นเลยล่ะ
1.4.ควรเทสต์จริงก่อนซื้อทุกครั้ง
อีกหนึ่งหลักการที่จะทำให้สาวๆ เลือกซื้อลิปสติกได้อย่างสวยไม่มีพลาดนั่นก็คือ การเทสต์ก่อนซื้อทุกครั้งนั่นเอง โดยเทสต์สีลิปสติกลงบนปลายนิ้วหรือบนผิวในส่วนที่สีใกล้เคียงกับสีผิวริมฝปากของเรามากที่สุด และควรเทสต์ไม่มากเกินไปกว่า 4 สี เพราะไม่เช่นนั้น มันอาจจะทำให้คุณลายตาจนการตัดสินใจซื้อสีที่ใช่ผิดพลาดไปเลยก็เป็นได้
1.5.ซื้อลิปสติกไว้หลากหลายเฉดสี
จริงอยู่ที่เรามีลิปสติกสีเดียวปาดบนเรียวปากแล้วมันจะทำให้คุณมั่นใจและก้าวออกจากบ้านได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับสาวๆ ที่รักการแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ เราขอให้คุณซื้อลิปสติกสีสันสวยๆ คุณภาพดีจากแบรนด์ดังที่ได้คุณภาพต่างๆ มาเก็บไว้หลายสีจะดีกว่าค่ะ เพราะแต่ละแบรนด์ก็ผลิตลิปสติกออกมาในคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ทั้งเนื้อลิปสติก สีและคุณสมบัติด้านอื่นๆ แบบนี้จะยิ่งทำให้การแต่งหน้าของคุณออกมามีสีสัน ทันสมัยและไม่จำเจ แถมยังทำให้คุณได้ลุคสวยจากการอวดเรียวปากสีสันแจ่มจรัสได้อย่างใจทุกๆ วันชนิดไม่มีวันน่าเบื่อเลยทีเดียว
การมีลิปสติกสีสันสวยๆ แล้วยังไม่พอหรอกนะคะสาวๆ เพราะคุณยังต้องมีไอเท็มสุดเด็ดอย่างลิปบาล์มด้วย เนื่องจากลิปบาล์มมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก ยิ่งสาวผิวแห้งด้วยแล้ว ยิ่งควรพกพาลิปบาล์มไว้ทาติดตัวเสมอ สำหรับลิปบาล์มนั้น เราควรทาหลังจากอาบน้ำหรือหลังจากสครับริมฝีปากเสร็จแล้วเรียบร้อย จากนั้นให้ทาลิปบาล์มบำรุงความชุ่มชื้นลงไปแล้วจึงทาลิปสติกตามปกติ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยป้องกันปัญหาปากแห้งลอกแตกเป็นขุยและยังทำให้ลิปสติกติดทนนานอีกด้วย สำหรับสาวคนไหนที่ยังไม่มีลิปบาล์มใช้เอง วันนี้เราจะมาแนะนำการทำลิปบาล์มด้วยตัวคุณเอง ว่าแล้วเราก็มาเริ่ม DIY ลิปบาล์มกันเลยดีกว่า
ลิปบาล์ม (Lip balm) สูตร DIY
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม ได้แก่ ขี้ผึ้ง น้ำมัน น้ำผึ้งและกลิ่นสำหรับใช้ทำขนมค่ะ
วิธีทำลิปบาล์มสูตร DIY
1.นำขี้ผึ้งมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นเติมน้ำมันลงไปผสมเล็กน้อย แล้วนำไปอุ่นในไมโครเวฟประมาณ 1 นาทีหรืออุ่นจนกว่าส่วนผสมสามารถละลายเข้าเนื้อกันได้ดี ทั้งนี้ไม่ควรใช้ความร้อนสูงหรือนานมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ขี้ผึ้งไหม้จากนั้นจึงคนส่วนผสมให้เข้ากันค่ะ
2.หลังจากผสมกันเรียบร้อยแล้วให้พักส่วนผสมจนเย็น กระทั่งจับตัวเป็นของเหลวที่มีลักษณะเหลวพอหนืด จากนั้นให้นำน้ำผึ้งมาเติมใส่ลงไปแล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง แต่อย่าใส่น้ำผึ้งมากนะคะ เพราะอาจทำให้เนื้อของลิปบาล์มเหลวกว่าที่ควรเป็นนั่นเอง
3.เหยาะกลิ่นที่คุณต้องการใส่ลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งกลิ่น จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน สำหรับการแต่งกลิ่นนั้นไม่ควรหยดใส่มากเกินไป เพราะนอกจากทำให้ลิปบาล์มมีกลิ่นแรงแล้ว อาจทำให้มีรสชาติฝาดเฝื่อนเมื่อนำไปทาบนริมฝีปากได้
4.รีบถ่ายส่วนผสมใส่ลงตลับเล็กๆ หรือใส่ลงภาชนะที่คุณต้องการ เมื่อใส่ลงไปแล้วให้เคาะภาชนะหรือตลับลิปบาล์มเบาๆ เพราะมันจะช่วยให้ผิวหน้าลิปบาล์มเรียบขึ้น จากนั้นรอจนกว่าเนื้อลิปจะเซ็ทตัวแล้วจึงปิดฝาค่ะ เพียงเท่านี้สาวๆ ก็จะได้ลิปบาล์มสูตรโฮมเมดที่สามารถเองได้ง่ายๆ ไว้พกติดตัวทาตลอดทุกที่แบบไม่ต้องเสียเงินแล้ว
คุณสมบัติของขี้ผึ้ง
ขี้ผึ้งนับเป็นพระเอกหลักของสูตรก็ว่าได้ เพราะมันมีคุณสมบัติทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แนะนำให้หาซื้อขี้ผึ้งคุณภาพดีตามร้านขายยาทั่วไป โดยเราจะใช้ขี้ผึ้งในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับการทำลิปบาล์มใช้ 1 ตลับ และส่วนที่เหลือก็สามารถเก็บใส่ในถุงหรือตลับที่ปิดสนิทจากนั้นวางทิ้งไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิเย็นปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ขี้ผึ้งเสื่อมสภาพเร็วนั่นเอง
คุณสมบัติของน้ำมัน
แนะนำเป็นน้ำมันจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก โจโจบาออยล์หรือวิตามินอีในรูปของน้ำมันก็สามารถนำมาผสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการช่วยบำรุงผิวริมฝีปากให้เนียนนุ่มมากยิ่งขึ้นได้
คุณสมบัติของน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งมีคุณสมบัติโดดเด่นที่ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และยังมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ในแบบธรรมชาติ
Tip : แต่งกลิ่นหอมๆ ที่ใช้ทำขนม
หากสาวๆ ต้องการเพิ่มกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่น คุณสามารถแต่งกลิ่นเพิ่มเติมได้ค่ะ โดยใช้กลิ่นสังเคราห์ที่เอาไว้ใช้แต่งกลิ่นขนมนั่นเอง เช่น กลิ่นกล้วย กลิ่นวานิลลา กลิ่นช็อกโกแลตหรือกลิ่นส้ม เป็นต้น
ลิปทินท์ (Lip tint) เป็นลิปที่มีลักษณะเป็นน้ำ และคุณสมบัติพิเศษของมันก็คือ เมื่อทาลงบนริมฝีปากแล้วมันจะเปลี่ยนเป็นสีสดใสที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
วิธีการทาลิปทินท์ให้สวยถูกใจ
สำหรับการทาลิปทินท์ให้ออกมาสวยถูกใจนั้น แนะนำให้ทาจากริมฝีปากด้านในออกประมาณ 2 ใน 3 จากนั้นเกลี่ยนสีลิปให้เป็นธรรมชาติแล้วจึงทาลิปกลอสตามให้ทั่วทั้งริมฝีปาก เพียงเท่านี้ก็จะได้ริมฝีปากสวยระเรื่อน่าจูจุ๊บมากขึ้นแล้วจ้า
เลือกซื้อลิปทินท์อย่างไรให้ปลอดภัยกับริมฝีปาก
แม้ลิปทินท์จะทาแล้วสวยเพียงใด แต่มันก็เหมือนกับลิปสติกทั่วไปที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับริมฝีปากด้วยเช่นเดียวกัน เพราะหากซื้อจากร้านตามแผงลอย ตลาดนัดที่มีราคาไม่แพงและยังมีให้เลือกหลากหลายระดับเฉดสีด้วย ลิปทินท์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งอาจมีสารปนเปื้อนของโลหะหนัก ทำให้เกิดอาการแพ้ ส่งผลให้ริมฝีปากบวมได้นั่นเอง ยิ่งกับเด็กๆ วัยรุ่นที่เห็นลิปทินท์ราคาถูกยิ่งนิยมซื้อใช้กันมาก และอาจทำให้ได้รับอันตรายจากการกลืนกินสารปนเปื้อนในลิปเข้าไป เช่น ตะกั่ว ปรอทและแคดเมียม หากผู้ใช้ได้รับโลหะหนักเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายก็จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน สายตาพร่ามัว ปวดแสบร้อนที่ริมฝีปาก เห่อแดง คัน บวม ปากลอกและเป็นขุย
ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโลหะหนักที่เป็นอันตราย แนะนำให้หันมาเลือกซื้อลิปทินท์จากร้านที่น่าเชื่อถือจะดีกว่าซื้อตามแผงลอยหรือตามตลาดนัดทั่วไปจะดีกว่าค่ะ
การทาลิปทุกครั้งไม่ว่าจะลิปประเภทใดก็ตาม จำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องเรียนรู้เทคนิคการทาให้ออกมาสวย ตั้งแต่การเลือกใช้ลิปเลยก็ว่าได้ และสำหรับลิปกลอสใสก็เช่นเดียวกัน สำหรับสาวคนไหนที่ทาลิปกลอสแล้วไม่สวยดั่งใจซะที ทำตามคำแนะนำจากเราง่ายๆ ดังนี้สิคะ
ทากึ่งกลางริมฝีปากทั้งบนและล่าง
หากสาวๆ ทาลิปสติกลงไปก่อนแล้ว แนะนำให้เลือกใช้ลิปกลอสสีเดียวกันหรือเฉดสีใกล้เคียงกันมาทาลงไปค่ะ โดยทาเฉพาะตรงกลางริมฝีปากทั้งด้านบนและล่างก็พอ เพราะหากทาทั่วทั้งริมฝีปากหมดล่ะก็ ปากของคุณจะมันเยิ้มจนเกินงามก็เป็นได้ แทนที่จะสวยได้ประกายแวววาวจากลิปกลอสที่กำลังดีคุณอาจจะกลายเป็นตัวตลกภายในพริบตาก็ได้นะคะ
เลือกลิปกลอสที่มีคุณสมบัติติดทนนาน
การเลือกใช้ลิปกลอสก็คล้ายกันกับการเลือกใช้ลิปสติก เพราะเราต้องการทาแล้วให้ลิปติดทนนานเหมือนกัน และประเด็นสำคัญก็อยู่ที่การเลือกใช้ลิปกลอสที่มีคุณสมบัติติดทนนานนั่นเอง เพราะหากเลือกซื้อลิปกลอสแบบคุณภาพต่ำมาใช้ เนื้อกลอสก็จะหมดประกายแวววาวได้เร็วยังไงล่ะคะ
เทคนิคทาลิปกลอสให้สวยเด้งดั่งใจ
หากทาลิปกลอสแล้วสีไม่สวดสดใสดั่งใจ คุณสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการลงลิปทินท์กึ่งกลางริมฝีปากก่อนหรืออาจใช้ลิปสติกสีอ่อนหรือเลือกใช้ลิปบาล์มแบบเปลี่ยนสีได้มาทาไปก่อนชั้นหนึ่ง จากนั้นจึงทาลิปกลอสตบท้ายลงไปทับอีกครั้ง ง่ายดายเท่านี้คุณสาวๆ ก็จะสามารถอวดเรียวปากสวยสุดแจ่มและยังมีประกายแวววาวสวยอิ่มเอิบน่าจูบอย่างมากเลยล่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเทคนิคของการเลือกทาลิปสติกแต่ละประเภท ตั้งแต่ลิปสติก (Lipstick) สีสันสดใส ลิปบาล์ม (Lip balm) ลิปทินท์ (Lip tint) และลิปกลอส (Lip gloss) ซึ่งลิปแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างกันและยังมีลำดับในการทาไร่เรียงกันอย่างถูกต้องด้วย เพื่อให้สาวๆ อวดริมฝีปากสวยอิ่มเอิบ เปล่งประกายแวววาวดุจผิวกลีบกุหลาบที่ยั่วยวนให้ชวนหลงใหล อย่าลืมนำคำแนะนำจากเราไปใช้กันทุกวันนะคะ
ส่งมาหลายออเดอร์แล้วน๊าา ขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่อุดหนุนและเป็นลูกค้าที่ดีเสมอมาจ๊ะ
รูปภาพที่โพสต์โดย YuDoangGoRo (@yudoanggoroshop) เมื่อ